การจัดโครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ณ สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ระหว่างวันที่ 3-8 สิงหาคม 2568 มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้บุคลากรของสาขาวิชาฯ ทั้งสายวิชาการและสายสนับสนุน ได้เรียนรู้แนวทางการพัฒนาองค์กร การบริหารจัดการศึกษา การพัฒนาหลักสูตร และการวิจัยจากสถาบันการศึกษาชั้นนำของสาธารณรัฐเกาหลี ตลอดจนได้ศึกษารูปแบบการส่งเสริมคุณภาพชีวิต การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการสร้างนวัตกรรมด้านอาหารเพื่อสุขภาพ
การศึกษาดูงานเป็นโครงการพัฒนาบุคลากรให้ได้รับความรู้และทักษะทางวิชาการ สอดคล้องกับเป้าหมายและตัวชี้วัดการจัดอันดับของ THE Impact Rankings ที่มหาวิทยาลัยเลือกใช้ในปี 2025 ในข้อ SDGs3 (สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี) SDGs4 (การศึกษาที่มีคุณภาพ) และSDGs17 (ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน) โดยเป็นการศึกษาดูงานระหว่างวันที่ 3-8 สิงหาคม 2568 ณ สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) โดยได้มีการไปศึกษาดูงานกับหน่วยงานต่างๆ ดังนี้
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล (Royal Thai Embassy, Seoul)
เป็นสถานทูต ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ โดยเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล คือ นายธานี แสงรัตน์
ที่ตั้ง: 42, Jangmun-ro, Yongsan-gu, Seoul 04392, Republic of Korea
พื้นที่รับผิดชอบ: ครอบคลุมทั้งประเทศสาธารณรัฐเกาหลี
วันทำการ: วันจันทร์ – ศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดราชการไทยและเกาหลี)
เวลาทำการ: 09.00–17.00 น.

บทบาทและหน้าที่หลัก
สถานเอกอัครราชทูตฯ มีภารกิจสำคัญในการเป็นตัวแทนรัฐบาลไทยในการดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูต เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐเกาหลี โดยมีบทบาทดังนี้
- การทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ส่งเสริมความร่วมมือทางการเมือง ความมั่นคง และความสัมพันธ์ทวิภาคี และเป็นศูนย์กลางการติดต่อประสานงานระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศ
- เศรษฐกิจและการค้า สนับสนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การลงทุน และการท่องเที่ยว ส่งเสริมสินค้าไทยและกิจกรรมทางธุรกิจร่วมกับเกาหลีใต้
- วัฒนธรรมและการศึกษา การสนับสนุนนโยบาย Soft Power โดยการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยในเกาหลี เช่น อาหาร ศิลปะ ดนตรี และเทศกาลไทย และมีการสนับสนุนโครงการแลกเปลี่ยนทางการศึกษาและภาษาไทย–เกาหลี โดยเฉพาะกลุ่มความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ (STEM)
- บริการด้านกงสุล ดูแลและคุ้มครองคนไทยในเกาหลีใต้ ให้บริการด้านหนังสือเดินทาง บัตรประชาชน การรับรองเอกสาร และการทำวีซ่า รวมถึงให้คำปรึกษาแก่แรงงานและนักเรียนไทย
บริการกงสุลที่สำคัญ
งานหนังสือเดินทาง: การทำหนังสือเดินทางใหม่หรือเปลี่ยนเล่มหมดอายุ
งานนิติกรณ์และรับรองเอกสาร: การรับรองลายมือชื่อ การใช้เอกสารไทยในเกาหลีและเอกสารเกาหลีในไทย
งานทะเบียนราษฎร์: การแจ้งเกิด การแจ้งตาย และการทำบัตรประชาชน
งานช่วยเหลือคนไทย: การให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน อุบัติเหตุ หรือปัญหากฎหมาย
งานวีซ่า: อำนวยความสะดวกแก่ชาวเกาหลีที่ประสงค์เดินทางไปประเทศไทย

ความสัมพันธ์ไทย–เกาหลีใต้
ด้านการทูต: ไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับสาธารณรัฐเกาหลีเมื่อ พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958) มีความร่วมมืออย่างต่อเนื่องทั้งระดับทวิภาคีและพหุภาคี
ด้านเศรษฐกิจ: เกาหลีใต้เป็นหนึ่งในคู่ค้าสำคัญของไทย โดยมีการลงทุนและการค้าระหว่างกันอย่างกว้างขวางในด้านอุตสาหกรรม เทคโนโลยี และวัฒนธรรม
ด้านสังคมและวัฒนธรรม: การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทย–เกาหลี เติบโตอย่างมาก ทั้งการท่องเที่ยว อาหาร ดนตรี และการศึกษา คนเกาหลีจำนวนมากนิยมเรียนภาษาไทย ขณะเดียวกันก็มีชุมชนคนไทยขนาดใหญ่ในเกาหลีใต้
ด้านแรงงานและคนไทยในเกาหลี: มีแรงงานไทยและนักเรียนไทยอาศัยอยู่ในเกาหลีใต้จำนวนมาก (ประมาณ 200,000 คน) สถานทูตจึงมีบทบาทสำคัญในการดูแลสิทธิและสวัสดิการ
มหาวิทยาลัยฮันกุก
มหาวิทยาลัยฮันกุกแห่งการศึกษาต่างประเทศ หรือที่รู้จักกันในชื่อย่อว่า HUFS (Hankuk University of Foreign Studies) เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำของสาธารณรัฐเกาหลี (ประเทศเกาหลีใต้) ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติในด้านการสอน ภาษาต่างประเทศ การแปลและล่าม วัฒนธรรมศึกษา และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2497 (ค.ศ. 1954) โดย ศาสตราจารย์คิม ฮึงแบ (Kim Heung-bae) ภายหลังสงครามเกาหลี เพื่อเป็นศูนย์กลางการศึกษาและการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมกับนานาประเทศ ผ่านการเรียนรู้ภาษาต่าง ๆ และการสร้างบุคลากรที่มีศักยภาพด้านการสื่อสารระหว่างประเทศ ปัจจุบัน HUFS มี สองวิทยาเขตหลัก ได้แก่

1. วิทยาเขตโซล (Seoul Campus) ตั้งอยู่ในย่านดงแดมุนของกรุงโซล เป็นศูนย์กลางของคณะด้านภาษาต่างประเทศ มนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์
2. วิทยาเขตโกลบอล (Global Campus) ตั้งอยู่ที่เมืองยงอิน (Yongin) จังหวัดคยองกี โดยมุ่งเน้นสาขาวิชาด้านการแปลและล่าม (Interpretation and Translation) วิทยาศาสตร์ประยุกต์ และการศึกษานานาชาติ
HUFS เปิดสอนภาษาต่างประเทศมากกว่า 45 ภาษา ครอบคลุมทั้งภาษาในยุโรป เอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา จึงได้รับการยกย่องให้เป็น “มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศที่ดีที่สุดในเกาหลีใต้” และยังได้รับการจัดอันดับในระดับโลก โดยในปี 2024 มหาวิทยาลัยฮันกุกได้รับการจัดอันดับอยู่ใน ลำดับที่ 575 ของโลกใน QS World University Rankings และเป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้น ๆ ของเกาหลีในหมวดมหาวิทยาลัยที่ไม่มีคณะแพทยศาสตร์ ด้วยแนวคิด “Love Truth, Serve Humanity” ซึ่งเป็นปรัชญาประจำสถาบัน มหาวิทยาลัยมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีความรู้ทางภาษา ควบคู่กับความเข้าใจในวัฒนธรรม ความคิด และระบบสังคมของประเทศต่าง ๆ เพื่อสร้าง “พลเมืองโลก (Global Citizens)” ที่สามารถทำงานร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ภาควิชาไทยศึกษา (Department of Thai Studies)
เป็นหนึ่งในภาควิชาที่สำคัญภายใต้ คณะภาษาตะวันออก (College of Asian Languages and Cultures) ของมหาวิทยาลัยฮันกุก ภาควิชานี้เปิดการสอนอย่างเป็นทางการตั้งแต่ช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1980 เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนการสอนภาษาไทย วัฒนธรรมไทย และการศึกษาประเทศไทยในมิติต่าง ๆ ทั้งด้านภาษา วรรณกรรม ประวัติศาสตร์ สังคม และเศรษฐกิจ
ความร่วมมือและเครือข่ายระหว่างประเทศ
HUFS มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับสถาบันการศึกษาทั่วโลกกว่า 600 แห่งในกว่า 100 ประเทศ รวมทั้งมหาวิทยาลัยในประเทศไทย เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช โดยมีการแลกเปลี่ยนนักศึกษาและอาจารย์ การจัดสัมมนานานาชาติ และโครงการฝึกอบรมภาษาไทย–เกาหลี
ภาควิชาไทยศึกษามีส่วนสำคัญในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการและวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศ ซึ่งส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเกาหลีใต้มีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

มหาวิทยาลัยฮันกุกแห่งการศึกษาต่างประเทศถือเป็นสถาบันการศึกษาที่มีบทบาทโดดเด่นในระดับโลกด้านการสอนภาษาและวัฒนธรรมต่างประเทศ การมีภาควิชาไทยศึกษาและภาควิชาแปล–ล่ามภาษาไทยสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของประเทศไทยในบริบทความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของเกาหลีใต้ ตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา HUFS ได้เป็นแหล่งบ่มเพาะนักวิชาการ นักการทูต และนักแปลที่เข้าใจภาษาและวัฒนธรรมไทยอย่างลึกซึ้ง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงมิตรภาพและความร่วมมือระหว่างสองประเทศให้ยั่งยืนและมั่นคง
มูลนิธิสตรีและครอบครัว (Gyeonggi-do Women & Family Foundation)
มูลนิธิสตรีและครอบครัว Gyeonggi ร่วมกับสถาบันวิจัยและพัฒนานโยบายสิทธิมนุษยชนผู้อพยพ Gyeonggi ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือที่มุ่งเน้นการสนับสนุน การให้การศึกษาเพื่อป้องกันความรุนแรงบนพื้นฐานทางเพศสภาพ ซึ่งมีพันธกิจหลัก ได้แก่ การให้การศึกษาเพื่อป้องกันความรุนแรงบนพื้นฐานทางเพศสภาพ และการเสริมสร้างกิจกรรมประชาสัมพันธ์เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันความรุนแรงบนพื้นฐานทางเพศสภาพหลายภาษา ผ่านศูนย์บูรณาการการตอบสนองต่อความรุนแรงบนพื้นฐานทางเพศสภาพจังหวัด Gyeonggi เพื่อคุ้มครองสิทธิของชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในจังหวัด Gyeonggi และให้ความช่วยเหลือผู้เสียหาย

ศูนย์บูรณาการการตอบสนองต่อความรุนแรงทางเพศ จังหวัด Gyeonggi เป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมการป้องกันความรุนแรงบนพื้นฐานทางเพศสภาพและให้การช่วยเหลือผู้เสียหายอย่างเป็นระบบ โดยศูนย์ฯ มีการดำเนินงานด้านการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการป้องกันความรุนแรงบนพื้นฐานทางเพศสภาพอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้บริการช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ผู้เสียหายตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน ผ่านช่องทางที่หลากหลาย ทั้งสายด่วน (Hotline) และระบบแชททาง KakaoTalk นอกจากนี้ ศูนย์ฯ ยังมีระบบการบริหารจัดการงานที่มีความเป็นระบบและชัดเจน ทำให้สามารถให้บริการช่วยเหลือผู้เสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุม ส่งผลให้ผู้เสียหายจำนวนมากได้รับการคุ้มครองและดูแลอย่างเหมาะสม

มูลนิธิการจ้างงานจังหวัดคยองกี (Gyeonggi-do Job Foundation)
ประวัติมูลนิธิ
มูลนิธิการจ้างงานจังหวัดคยองกี (Gyeonggi-do Job Foundation) เป็นมูลนิธิสาธารณประโยชน์ ก่อตั้งขึ้นในปี 2016 จัดตั้งโดยรัฐบาลท้องถิ่นของจังหวัดคยองกี (Gyeonggi-do, เกาหลีใต้) ที่ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ที่จังหวัดคยองกี (Gyeonggi-do) สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้)
มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสนับสนุนการจ้างงาน สร้างโอกาสในการทำงาน และพัฒนาทักษะแรงงาน สำหรับประชาชนในจังหวัด ถือเป็นศูนย์กลางของนโยบายด้านการจ้างงานของจังหวัดคยองกี ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดในเกาหลีใต้

วิสัยทัศน์และพันธกิจ
- วิสัยทัศน์: “เป็นองค์กรหลักในการสร้างงานที่มั่นคง มีคุณภาพ และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเศรษฐกิจ”
- พันธกิจหลัก
- สนับสนุนการจ้างงานอย่างทั่วถึงและยั่งยืน
- พัฒนาทักษะแรงงานเพื่อรองรับอุตสาหกรรมอนาคต
- ส่งเสริมการมีงานทำสำหรับกลุ่มเยาวชน สตรี และผู้สูงอายุ
- เป็นสะพานเชื่อมระหว่างแรงงานกับภาคธุรกิจ
บทบาทและหน้าที่หลัก
- ให้บริการข้อมูลการจ้างงาน
- ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น “Jabba” ซึ่งรวบรวมประกาศงานจากจังหวัด เมือง/เขต และหน่วยงานสาธารณะ
- การฝึกอบรมและพัฒนาทักษะ
- จัดอบรมเพื่อเพิ่มทักษะอาชีพและการปรับตัวในยุคดิจิทัล (Digital Skills, Green Jobs, AI, Bio Health เป็นต้น)
- สนับสนุนการจ้างงานสำหรับกลุ่มเฉพาะ
- สตรี เยาวชน ผู้สูงอายุ และกลุ่มเปราะบางทางสังคม
- ความร่วมมือกับภาคธุรกิจและสถาบันการศึกษา
- สร้างเครือข่ายการจ้างงานและตำแหน่งงานใหม่ในอุตสาหกรรมเกิดใหม่
- บริการที่ปรึกษาด้านอาชีพและการเริ่มต้นธุรกิจ
- ให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัว การแนะแนวอาชีพ และข้อมูลการประกอบธุรกิจ

แนวโน้มในอนาคต
มูลนิธิการจ้างงานจังหวัดคยองกีมีแผนมุ่งเน้นไปที่
- การสร้างงานใน อุตสาหกรรมอนาคต (Future Industries)
- การสนับสนุนแรงงานในยุค ดิจิทัลและอัตโนมัติ (Digital Transformation)
- การเสริมสร้าง ความร่วมมือกับภาคธุรกิจขนาดใหญ่และสตาร์ทอัพ
- การขยายแพลตฟอร์ม “Jabba” ให้ครอบคลุมการจ้างงานแบบครบวงจร ตั้งแต่การสมัครงานจนถึงการพัฒนาทักษะต่อเนื่อง

ประโยชน์ที่ได้รับจากการดำเนินโครงการ
1. บุคลากรสามารถนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับมาบูรณาการในการจัดการเรียนการสอน/การผลิตสื่อการสอน การพัฒนาหลักสูตร รวมทั้งการศึกษาค้นคว้าวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ ตลอดจนการประยุกต์องค์ความรู้ทางด้านอาหารและโภชนาการ และพัฒนาการมนุษย์และครอบครัวได้
2. ช่วยเพิ่มศักยภาพของบุคลากรสายวิชาการและสายสนับสนุนในการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิผล และเสริมสร้างองค์กรให้มีความยั่งยืน
ข้อเสนอแนะ
ควรนำความรู้ และข้อมูลที่ได้รับจากการศึกษาดูงานไปบูรณาการในการสนับสนุนงานด้านการจัดการเรียนการสอน การวิจัย การเผยแพร่ผลงานวิจัยลงวารสารสำหรับนักศึกษา การบริการวิชาการแก่สังคมของรวมทั้งการบริหารของสาขาวิชามนุษยนิเวศศาสตร์